หมึกต้มหวาน ตูปะซูตง ยัดไส้ข้าวเหนียวหวาน
มันเค็มสไตล์ปักษ์ใต้
หากินไม่ง่ายแต่ถ้าทำเองได้กินแน่ พบกับเมนูหมึกต้มหวาน หรือทางภาคใต้เรียกว่า ตูปะซูตง สูตรอาหารไทยสไตล์ปักษ์ใต้ จับปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวแล้วเคี่ยวกับน้ำซอส รสชาติออกหวาน ๆ เค็ม ๆ เหมาะทั้งกินหลังอาหารคาวหรือเป็นอาหารว่างด้วยนะ
เชื่อแน่ว่าหลายคนคุ้นเคยกับเมนูปลาหมึก ต้มหวานแบบโบราณที่ใส่เครื่องโขลกต้มกับน้ำซอส ลองยัดไส้ข้าวเหนียวเพิ่มความหอมมันแบบภาคใต้กันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำหมึกต้มหวาน สูตรจาก คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวแล้วต้มกับกะทิปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว หั่นเป็นชิ้นพอคำกินเป็นอาหารว่างกันได้เลยจ้า
ตะโกน้อยชวนฝอย อร่อยกับ Tupat Sotong โดย คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
หมึกต้มหวาน
หลังเทศกาลฮารีรายอผ่านพ้นไปไม่นาน เรือก็เริ่มจับหมึกได้ ส่วนใหญ่คือหมึกสาว ไม่ใหญ่นัก หมึกขนาดนี้ชาวกรุงชอบนำไปยัดไส้ใส่แกงจืด ชาวปลายด้ามขวานก็นิยมนำมายัดไส้เช่นกัน เพียงแตกต่างกันที่ไส้และวิธีทำ ชาวบ้านมักเรียกว่า "หมึกจุกเหนียว" แต่ในหมู่ชาวมุสลิมที่นับถืออิสลามจะเรียกเมนูนี้ว่า "ตูปะซูตง" ตูปะ หมายถึง ข้าวเหนียว ซูตง หรือ โซตง หมายถึง หมึก เมื่อนำมารวมกันความหมายคือ "หมึกยัดไส้เหนียว" นิยมทำกันในเทศกาลถือศีลอดหรือบุญประเพณีสำคัญเป็นเมนูที่ทำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แต่ความอร่อยมีมากมาย ยามที่ได้กินลงไป หมึกสด ๆ เมื่อได้ปรุงอาหารถือว่ามีความอร่อยอยู่แล้ว แต่ยิ่งจะอร่อยขึ้นเมื่อได้ปรุงเมนูนี้ ตามมาชมกันได้เลยครับ
ส่วนผสม หมึกต้มหวาน
• ปลาหมึก
• ข้าวเหนียวดิบ (แช่น้ำค้างคืน)
• กะทิ
• เกลือ
• ใบเตยมัด
• น้ำตาลแว่น 2-3 แว่น
วิธีทำหมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
หมึกได้มาสดแบบผิวระยิบระยับ จัดการเลือกตัวใหญ่เตรียมส่งให้ผู้ได้รับรางวัล เหลือตัวขนาดเล็กก็เตรียมดึงหัวดึงไส้ ทำความสะอาดรอ
หมึกต้มหวาน
ข้าวเหนียวใหม่จะให้ความนุ่มหอม แช่น้ำไว้ค้างคืน
หมึกต้มหวาน
กะทิคั้นทีเดียวรวมหัวหาง น้ำไม่ต้องแยะ สำหรับเมนูนี้ไม่แนะนำกะทิกล่องเพราะจะขาดความมันและความหอมรวมถึงหวานจากกะทิสด
หมึกต้มหวาน
ใส่เกลือลงในกะทิสักช้อน กวนให้ละลายแล้วค่อย ๆ รินหัวกะทิด้านบนใส่ลงในข้าวเหนียวพอแฉะ กรอกใส่ในตัวหมึกจนเต็มลำตัว กลัดด้วยไม้พร้อมหัวของหมึก
หมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
ตั้งหม้อรองด้วยใบเตย ใส่กะทิลงไปสักครึ่ง จับหมึกวางเรียง ใช้ไฟกลางอ่อน เคี่ยวไปจนน้ำใกล้งวด เติมกะทิที่เหลือ ถ้าต้องการให้เปื่อยเร็วปิดฝาแง้มไว้ พอน้ำเริ่มเดือดครั้ง 2 เปิดฝา ใส่น้ำตาลแว่นลงไป 2-3 แว่น รอน้ำตาลละลาย ยกหม้อส่ายให้ละลายทั่วถึง หรือใช้ทัพพีค่อย ๆ กวนให้เข้ากันเบา ๆ ชิมน้ำดูให้มีรสหวานนำเค็มตาม เคี่ยวต่อไปจนน้ำงวดแฉะแค่ก้นหม้อ
หมึกต้มหวาน
ตักมาชิมตัวหนึ่งเมื่อได้ที่แล้ว ให้คนอื่นชิมด้วยเพื่อการันตี ปรากฏว่าผ่าน
หมึกต้มหวาน
ใช้มีดปาดให้เฉียงจะดูน่ากินกว่าปาดตรง ๆ
หมึกต้มหวาน
ตัวหมึกอ้วนอวบ กัดลงไปมีความนุ่ม ได้รับรสหวานที่เคลือบผิวหมึก เคี้ยวลงไปเจอข้าวเหนียวอ่อนนุ่มคล้าย ๆ ไข่หมึก มีรสจืดมันกะทิ ถ้าจะให้อร่อยราดน้ำลงไปสักปลายช้อน ยิ่งเพิ่มรสชาติหวานมัน
หมึกต้มหวาน
ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย หมึกขนาดพอคำเข้ากันกับความหวาน มีความหอมกะทิและความมันแทรกอยู่ตรงกลางเนื้อใน อาหารแต่ละชนิดมิใช่เพียงแค่อิ่มปากท้อง แต่คงมีความหมายถึงการหล่อหลอมรวมกัน นำมาผสมผสานจากทรัพย์ในดินและสินในน้ำ ผลพวงจากการประดิษฐ์คิดค้น แต่งแต้มสีสันและกลิ่นเพื่อให้ได้รสชาติแสนอร่อยอย่างชาญฉลาด ล้วนแล้วเกิดจาก บรรพบุรุษของเราทั้งสิ้น ตะโกเองเป็นแค่เพียงผู้ทำตาม จากที่เคยสัมผัส เคยเห็น เคยกิน ต้องยอมรับว่า "อร่อยแบบมีเหตุผล" มันเป็นความลงตัวของวัตถุดิบที่นำมาปรุงจากรุ่นสู่รุ่น คล้าย ๆ จะบอกว่า ถึงแม้บรรพบุรุษจะจากล่วงลับไป คงเหลือมรดกทางอาหารทิ้งไว้ให้ลูกหลาน
อยากลองกินหมึกต้มหวานจังเลย แต่คงต้องรอพรุ่งนี้เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วคงทำไม่ทันแน่นอน ที่ทำได้คงมีเพียงแช่ข้าวเหนียวรอยัดไส้ปลาหมึกพรุ่งนี้เท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
มันเค็มสไตล์ปักษ์ใต้
หากินไม่ง่ายแต่ถ้าทำเองได้กินแน่ พบกับเมนูหมึกต้มหวาน หรือทางภาคใต้เรียกว่า ตูปะซูตง สูตรอาหารไทยสไตล์ปักษ์ใต้ จับปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวแล้วเคี่ยวกับน้ำซอส รสชาติออกหวาน ๆ เค็ม ๆ เหมาะทั้งกินหลังอาหารคาวหรือเป็นอาหารว่างด้วยนะ
เชื่อแน่ว่าหลายคนคุ้นเคยกับเมนูปลาหมึก ต้มหวานแบบโบราณที่ใส่เครื่องโขลกต้มกับน้ำซอส ลองยัดไส้ข้าวเหนียวเพิ่มความหอมมันแบบภาคใต้กันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำหมึกต้มหวาน สูตรจาก คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวแล้วต้มกับกะทิปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว หั่นเป็นชิ้นพอคำกินเป็นอาหารว่างกันได้เลยจ้า
ตะโกน้อยชวนฝอย อร่อยกับ Tupat Sotong โดย คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
หมึกต้มหวาน
หลังเทศกาลฮารีรายอผ่านพ้นไปไม่นาน เรือก็เริ่มจับหมึกได้ ส่วนใหญ่คือหมึกสาว ไม่ใหญ่นัก หมึกขนาดนี้ชาวกรุงชอบนำไปยัดไส้ใส่แกงจืด ชาวปลายด้ามขวานก็นิยมนำมายัดไส้เช่นกัน เพียงแตกต่างกันที่ไส้และวิธีทำ ชาวบ้านมักเรียกว่า "หมึกจุกเหนียว" แต่ในหมู่ชาวมุสลิมที่นับถืออิสลามจะเรียกเมนูนี้ว่า "ตูปะซูตง" ตูปะ หมายถึง ข้าวเหนียว ซูตง หรือ โซตง หมายถึง หมึก เมื่อนำมารวมกันความหมายคือ "หมึกยัดไส้เหนียว" นิยมทำกันในเทศกาลถือศีลอดหรือบุญประเพณีสำคัญเป็นเมนูที่ทำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แต่ความอร่อยมีมากมาย ยามที่ได้กินลงไป หมึกสด ๆ เมื่อได้ปรุงอาหารถือว่ามีความอร่อยอยู่แล้ว แต่ยิ่งจะอร่อยขึ้นเมื่อได้ปรุงเมนูนี้ ตามมาชมกันได้เลยครับ
ส่วนผสม หมึกต้มหวาน
• ปลาหมึก
• ข้าวเหนียวดิบ (แช่น้ำค้างคืน)
• กะทิ
• เกลือ
• ใบเตยมัด
• น้ำตาลแว่น 2-3 แว่น
วิธีทำหมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
หมึกได้มาสดแบบผิวระยิบระยับ จัดการเลือกตัวใหญ่เตรียมส่งให้ผู้ได้รับรางวัล เหลือตัวขนาดเล็กก็เตรียมดึงหัวดึงไส้ ทำความสะอาดรอ
หมึกต้มหวาน
ข้าวเหนียวใหม่จะให้ความนุ่มหอม แช่น้ำไว้ค้างคืน
หมึกต้มหวาน
กะทิคั้นทีเดียวรวมหัวหาง น้ำไม่ต้องแยะ สำหรับเมนูนี้ไม่แนะนำกะทิกล่องเพราะจะขาดความมันและความหอมรวมถึงหวานจากกะทิสด
หมึกต้มหวาน
ใส่เกลือลงในกะทิสักช้อน กวนให้ละลายแล้วค่อย ๆ รินหัวกะทิด้านบนใส่ลงในข้าวเหนียวพอแฉะ กรอกใส่ในตัวหมึกจนเต็มลำตัว กลัดด้วยไม้พร้อมหัวของหมึก
หมึกต้มหวาน
หมึกต้มหวาน
ตั้งหม้อรองด้วยใบเตย ใส่กะทิลงไปสักครึ่ง จับหมึกวางเรียง ใช้ไฟกลางอ่อน เคี่ยวไปจนน้ำใกล้งวด เติมกะทิที่เหลือ ถ้าต้องการให้เปื่อยเร็วปิดฝาแง้มไว้ พอน้ำเริ่มเดือดครั้ง 2 เปิดฝา ใส่น้ำตาลแว่นลงไป 2-3 แว่น รอน้ำตาลละลาย ยกหม้อส่ายให้ละลายทั่วถึง หรือใช้ทัพพีค่อย ๆ กวนให้เข้ากันเบา ๆ ชิมน้ำดูให้มีรสหวานนำเค็มตาม เคี่ยวต่อไปจนน้ำงวดแฉะแค่ก้นหม้อ
หมึกต้มหวาน
ตักมาชิมตัวหนึ่งเมื่อได้ที่แล้ว ให้คนอื่นชิมด้วยเพื่อการันตี ปรากฏว่าผ่าน
หมึกต้มหวาน
ใช้มีดปาดให้เฉียงจะดูน่ากินกว่าปาดตรง ๆ
หมึกต้มหวาน
ตัวหมึกอ้วนอวบ กัดลงไปมีความนุ่ม ได้รับรสหวานที่เคลือบผิวหมึก เคี้ยวลงไปเจอข้าวเหนียวอ่อนนุ่มคล้าย ๆ ไข่หมึก มีรสจืดมันกะทิ ถ้าจะให้อร่อยราดน้ำลงไปสักปลายช้อน ยิ่งเพิ่มรสชาติหวานมัน
หมึกต้มหวาน
ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย หมึกขนาดพอคำเข้ากันกับความหวาน มีความหอมกะทิและความมันแทรกอยู่ตรงกลางเนื้อใน อาหารแต่ละชนิดมิใช่เพียงแค่อิ่มปากท้อง แต่คงมีความหมายถึงการหล่อหลอมรวมกัน นำมาผสมผสานจากทรัพย์ในดินและสินในน้ำ ผลพวงจากการประดิษฐ์คิดค้น แต่งแต้มสีสันและกลิ่นเพื่อให้ได้รสชาติแสนอร่อยอย่างชาญฉลาด ล้วนแล้วเกิดจาก บรรพบุรุษของเราทั้งสิ้น ตะโกเองเป็นแค่เพียงผู้ทำตาม จากที่เคยสัมผัส เคยเห็น เคยกิน ต้องยอมรับว่า "อร่อยแบบมีเหตุผล" มันเป็นความลงตัวของวัตถุดิบที่นำมาปรุงจากรุ่นสู่รุ่น คล้าย ๆ จะบอกว่า ถึงแม้บรรพบุรุษจะจากล่วงลับไป คงเหลือมรดกทางอาหารทิ้งไว้ให้ลูกหลาน
อยากลองกินหมึกต้มหวานจังเลย แต่คงต้องรอพรุ่งนี้เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วคงทำไม่ทันแน่นอน ที่ทำได้คงมีเพียงแช่ข้าวเหนียวรอยัดไส้ปลาหมึกพรุ่งนี้เท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น